เรืองโรจน์ มหาศรานนท์

พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตนายทหารราชองครักษ์พิเศษ[1] อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2489 มีชื่อเล่นว่า "ต๋อย" บุตร ร.ต.ท.ระดม มหาศรานนท์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา[2]พี่ชายชื่อ นายเรืองเดช มหาศรานนท์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา พลเอกเรืองโรจน์ มหาศรานนท์ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ต่อมาได้สอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2505 หลังจากนั้นได้เข้ารับการศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และจบออกรับราชการเป็นร้อยตรี ในเหล่าทหารราบแห่งกองทัพบกเมื่อปี พ.ศ. 2511 ในตอนต้นของชีวิตราชการได้ปฏิบัติราชการในกรมผสมที่ 5 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ ภาคใต้ และต่อมาได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งต่างๆ ในสังกัด กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ กรุงเทพมหานครหลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบก เมื่อปี พ.ศ. 2522 ได้ไปปฏิบัติราชการเพื่อปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ โดยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายส่งกำลังบำรุงของกองพลทหารราบที่ 3 ต่อจากนั้น ได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่เป็น ฝ่ายเสนาธิการประจำตัวของพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ได้รับพระราชทานยศ "พลตรี" ในตำแหน่ง เสนาธิการกองอำนวยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2534 ต่อมาได้ยศ พลโท ในตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ เสนาธิการทหาร พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ทำให้ได้สะสมประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาระดับสูงของกองทัพไทยเพิ่มขึ้น พลเอกเรืองโรจน์ได้รับความไว้วางใจในเวลาต่อมา ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดบัญชีทหาร ในช่วงที่ประเทศไทยประสบวิกฤตทางเศรษฐกิจ และมีส่วนสำคัญในการบริหารจัดการด้านงบประมาณของกองทัพไทย จนผ่านอุปสรรคมาได้ เป็นเวลาถึง 3 ปี ก่อนที่จะได้รับยศเป็น พลเอก ในตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เมื่อปี พ.ศ. 2543 หน่วยนี้ก่อตั้งมากว่า 43 ปี ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกองทัพไทยที่มีบทบาทในการพัฒนาชนบทเพื่อส่งเสริมความกินดีอยู่ดีของประชาชนและขจัดเงื่อนไขต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การแตกแยกทางความคิดของประชาชนซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการดำรงความมั่นคงของชาติพลเอกเรืองโรจน์ได้ดำรงตำแหน่งนี้เป็นเวลา 3 ปี และได้ริเริ่มปรับทิศทางการพัฒนาเพื่อจัดระเบียบตามแนวชายแดน เพื่อให้ชุมชนชายแดนร่วมเป็นปราการในการป้องกันประเทศ แนวความคิดดังกล่าวนี้ยังเป็นแนวความคิดที่ยังใช้ได้มาจนถึงปัจจุบัน พลเอกเรืองโรจน์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ทำหน้าที่ให้คำแนะนำและคำปรึกษาโดยตรงแก่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตั้งแต่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา ในเหตุการณ์การรัฐประหารในคืนวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 พลเอกเรืองโรจน์ถูกแต่งตั้งโดยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ให้เป็นผู้อำนวยการควบคุมสถานการณ์ แต่ทว่าคำสั่งนี้ไม่อาจปฏิบัติได้ เนื่องจากกองกำลังของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ได้ควบคุมสถานการณ์ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดไว้ได้แล้ว ต่อมา พลเอกเรืองโรจน์ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและรองกรรมการคณะกรรมการคณะกรรมการกำกับดูแลการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยตำแหน่งหลังแต่งตั้งเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554 แต่งตั้งโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษํตริย์เป็นประมุข[3]และดำรงตำแหน่งนี้จนเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 หลังจากที่ประชุมสมาชิกเดิมของพรรคไทยรักไทย มีมติให้ ส.ส.เก่าของพรรค สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน เพื่อดำเนินการทางการเมืองต่อไป พลเอกเรืองโรจน์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วย และได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 และต่อมาได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี[4]พลเอกเรืองโรจน์สมรสกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รัตนาภรณ์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี มีบุตรชาย 1คน ชื่อ นายเดชอุดม มหาศรานนท์ และบุตรสาว 1 คน

เรืองโรจน์ มหาศรานนท์

ยศ พลเอก
พลเรือเอก
พลอากาศเอก
คู่สมรส ผศ.รัตนาภรณ์ มหาศรานนท์
ก่อนหน้า พลเอก ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
พรรคการเมือง พลังประชาชน
เกิด 28 มีนาคม พ.ศ. 2489 (74 ปี)
ถัดไป พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์